แม่ช็อคลูกชาย ม.3 ถูกเพื่อนร่วมชั้นเอามีดแทงอาการสาหัสคาโรงเรียนดัง

แบ่งปัน


แม่ช็อก ลูกชายวัย 15 ปี เรียนอยู่โรงเรียนเอกชนชื่อดังกลางเมืองพิษณุโลก ถูกเพื่อนร่วมชั้นเรียนเอามีดแทง 3 แผลอาการสาหัส ขณะนี้ยังไม่พ้นขีดอันตราย ทั้งๆ ที่เพิ่งเปิดเรียนได้เพียงไม่กี่วัน กลับได้รับการร้องขอจากทางโรงเรียนดังว่าอย่าเอาเรื่องได้ไหม แม่ลั่นจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด เอาไว้เป็นอุทาหรณ์ ทางโรงเรียนต้องมีมาตรการที่เข้มงวดกว่านี้
วันที่ 23 มิถุนายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ใช้เฟสบุ๊คชื่อ สวย แซบ แสบ ฮา(นู๋นุ๊ก) ได้โพสเฟสบุ๊คว่าเมื่อวาน(22 มิ.ย.64) ลูกชาย อายุ 15 ปี เรียนอยู่โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลก ถูกเพื่อนร่วมชั้นเรียนแทงได้รับบาดเจ็บสาหัส คาโรงเรียนช่วงพักกลางวัน และตัวน้องได้ถูกส่งตัวเข้าทำการรักษาอย่างเร่ง ด่วนขณะนี้อาการยังไม่พ้นขีดอันตราย ซึ่งหลังจากโพสเฟสบุ๊คไปนั้น มีผู้คนเข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะตั้งคำถามว่าทำไมทางโรงเรียนปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้กลางโรงเรียนได้

ผู้สื่อข่าวจึงติดต่อสอบถามไปยังผู้ใช้เฟสบุ๊ครายดังกล่าว คือนางอร(นามสมมุติ) อายุ 35 ปี อยู่ ต.วังอิทก อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก ซึ่งยืนยันว่าเหตุการณ์ดังกล่าวคือเรื่องจริง โดยลูกชายคือน้องต้นไม้(นามสมมุติ) อายุ 15 ปี เรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3โรงเรียนเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง ใน.จ.พิษณุโลก โดยเมื่อวานนี้ได้ไปส่งน้องเรียนโรงเรียนตามปกติ ในช่วงเที่ยงมีครูได้โทรมาแจ้งว่าน้องต้นไม้(นามสมมุติ) ถูกแทงได้รับบาดเจ็บ โดยครูได้พาตัวน้องส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลเอกชน แต่เนื่องด้วยมีอาการสาหัส จึงได้ทำการส่งตัวน้องไปเข้ารับการผ่าตัดที่โรงพยาบาลพุทธชินราช จ.พิษณุโลก เมื่อคืนที่ผ่านมา โดยตัวคุณแม่เองยังไม่ได้รับการอธิบายอะไรจากทางโรงเรียนที่ชัดเจนเลย นอกจากคำบอกเล่าจากทางคุณแม่ของคู่กรณีว่า น้องต้นไม้(นามสมมุติ) แกล้งเพื่อนคู่กรณีมาตั้งแต่ ม.1 จนถึงปัจจุบัน ม.3 คู่กรณีเก็บกด จึงเอามีดมาแทงน้องต้นน้ำ เพียงเท่านั้น ซึ่งคุณแม่ไม่เชื่อเพราะพฤติกรรมส่วนตัวน้องต้นไม้(นามสมมุติ) เป็นเด็กเงียบ ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร เรื่องแกล้งเพื่อนไม่น่าเป็นไปได้ หรือหากเด็กทะเลาะกันจริง ต้องมีเรื่องมาก่อนหน้านี้บางแล้ว แต่นี่น้องต้นไม้(นามสมมุติ) ไม่เคยมีเรื่องทะเลาะ หรือชกต่อยอะไรกับใครเลยตลอด เกือบ 3 ปีที่ผ่านมา แต่จู่ๆ มาเกิดเหตุการณ์แบบนี้ได้ยังไง ทั้งๆ ที่เพิ่งจะเปิดเรียนได้เพียงไม่กี่วัน และเป็นการเรียนแบบสลับวันด้วย ปกติคุณแม่จะอยู่กับน้องต้นไม้(นามสมมุติ) ตลอดเลี้ยงดูมาด้วยตัวเองรู้นิสัยของลูกดีว่าไม่ใช่คนอันธพาธแบบที่ถูกกล่าวหาแน่นอน


นางอร(นามสมมุติ) บอกต่ออีกว่า ทันทีที่ตนทราบข่าวจากครูก็รีบไปหาน้องที่โรงพยาบาลทันที น้องมีบาดแผลที่คอ ที่ช่วงหน้าอก และข้างหลัง และนอกจากนี้มีบาดแผลตามลำตัวเป็นรอยมีดบาดหลายแห่ง เมื่อคืนนี้คุณหมอบอกว่าจากการทำ CT SCAN พบเลือดออกทางช่องปอด และมีเลือดออก และน้ำบริเวณเยื่อหุ้มหัวใจ ซึ่งเป็นจุดที่อันตรายมากต้องเข้ารับการผ่าตัดเร่งด่วนเมื่อคืนนี้จนถึงช่วงเวลาประมาณ ตี 2 อาการของน้องยังไม่พ้นขีดอันตราย ถึงแม้ตอนนี้น้องจะฟื้นแล้วแต่ยังให้ข้อมูลอะไรไม่ได้ และต้องเฝ้าระวังเรื่องมีเลือดออกเพิ่มอีกหรือไม่ และแผลจะติดเชื้อหรือไม่ น้องอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด ส่วนเรื่องของคู่กรณี เมื่อวานนี้ช่วงเย็น แม่และญาติของคู่กรณีได้เดินทางมาที่โรงพยาบาลแล้ว มาขอโทษ และก็อยู่จนน้องต้นไม้(นามสมมุติ) ผ่าตัดเสร็จก่อนจะกลับไปช่วงประมาณ ตี 2 แต่ก็ไม่ได้ให้ข้อมูลอะไรมาก บอกเพียงว่าลูกตัวเอง(คู่กรณี)เก็บกดเพราะ น้องต้นไม้(นามสมมุติ) ไปแกล้งตั้งแต่ ม.1 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งตนก็บอกไปว่ามันไม่ใช่พฤติกรรมของน้องต้นไม้(นามสมมุติ) เลย น้องไม่เคยหาเรื่องใครก่อน และที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งอะไร ถึงขั้นเป็นเรื่องเป็นราว หรือชกต่อย ทางโรงเรียนก็ไม่เคยแจ้งเลย จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นสาเหตุทำให้อีกฝ่ายจู่ๆ ถือมีดมาแทงกันปางตายแบบนี้


ด้านนายประนอม(นามสมมุติ) ลุงของน้องต้นไม้(นามสมมุติ) ได้ให้สัมภาษณ์ว่าจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับน้องต้นไม้(นามสมมุติ) ทุกคนรู้สึกคาใจมาก คือความจริงโรงเรียนดังในจังหวัดแบบนี้ มีนักเรียนระดับหลายพันคน ครูควรจะต้องเข้มงวดให้มากกว่านี้ นี่คืออะไรเปิดเรียนได้ไม่กี่วันทำไมปล่อยให้เด็กนำอาวุธเข้ามาแทงกันได้ จู่พอเกิดเหตุมาแล้วทางโรงเรียนกลับกลัวเสียชื่อโรงเรียน มาขอให้ผู้ปกครองอย่าเอาเรื่องกันเลยมันไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง สังคมไทยมันจะแย่เอานะถ้าเป็นแบบนี้ อยากให้ทางโรงเรียนไปปรับปรุงตรงนี้ ไม่เช่นนั้นผู้ปกครองจะเอาความเชื่อมั่นในโรงเรียนมาจากไหนได้
คือเหตุการณ์นี้ถ้าชกต่อยกันธรรมดา ไม่มีอาวุธ ทะเลาะวิวาทแบบนี้ พ่อแม่ ผู้ปกครองรับได้เพราะมันเป็นช่วงวัยของเด็ก แต่นี่เอามีดมาแทงกันอาการปางตายแบบนี้ พ่อแม่ที่ไหนเขาก็รับไม่ได้หรอก อยากให้โรงเรียนเข้มงวดความปลอดภัยของเด็กๆด้วย และรับผิดชอบให้มากกว่านี้ ทางเราไม่ได้อยากได้เงินหรืออะไร แต่เราอยากให้หลานปลอดภัย พ้นขีดอันตราย ส่วนเรื่องคดีความทางแม่น้องต้นไม้(นามสมมุติ) ก็ได้ไปแจ้งความไว้เรียบร้อยแล้ว ก็ให้เป็นไปตามกฎหมายต่อไป ตอนนี้ภาวนาแค่ขอให้อาการหลานปลอดภัย กลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้ น้องยังมีอนาคตอีกไกล
ล่าสุดช่วงเช้าวันนี้ ทางผู้อำนวยการโรงเรียน พร้อมคณะครูได้เดินทางเข้ามาพบ ครอบครัวน้องต้นน้ำ พร้อมมอบกระเช้าแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และพร้อมจะช่วยเหลือในทุกๆด้าน ตอนนี้ก็รอให้อาการน้องต้นไม้(นามสมมุติ) ปลอดภัยดีก่อน ส่วนเรื่องคดีความก็ปล่อยให้เป็นไปตามกฎหมายต่อไป