ตำรวจสอบสวนกลาง โดยกองปราบปรามทลายโกดังเก็บรถรับจำนำ รวบเครือข่ายนายทุนปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยโหด ที่หลอกล่อผ่านทางเฟสบุ้ค ให้ผู้เสียหายกู้เงินได้ง่าย เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบมีเงิน หมุนเวียนกว่า 49 ล้านบาท โดยในการเจรจาและไถ่ทอนรถให้กับผู้เสียหายได้รถคืน 23 คัน ในวันนี้
วันที่ 29 ตุลาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่โกดังไม่มีเลขที่ ม.5 ถ.มิตรภาพ ต.พลายชุมพล อ.เมือง จ.พิษณุโลก พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ , พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม, พล.ต.ต.สันติ ชัยนิรามัย รอง ผบช.ก.พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้ร่วมแถลงข่าวการจับกุมนายทุนรับจำนำรถ คิดอัตราดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฏหมายกำหนด โดยยึดรถของกลางทั้งรถจักรยานยนต์ และรถยนต์ได้เป็นจำนวนมาก
พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้ให้สัมภาษณ์ว่า กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางโดยกองบังคับการปราบปราม ได้ทำการสืบสวนหาข้อมูลผ่านทางออนไลน์จนกระทั่งทราบว่าเพจ Facebookชื่อ “รับจำนำรถ พิษณุโลก อนุมัติง่าย วงเงินสูง carformoney” มีพฤติการณ์ปล่อยเงินกู้นอกระบบ ให้กับบุคคลทั่วไป โดยให้ลูกหนี้นำรถมาค้ำประกัน ต่อมากองกำกับการ กองบังคับการปราบปรามได้ทำการตรวจสอบจนกระทั่งพบว่าเพจดังกล่าวมีการรับจำนำรถ เรียกดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดจริง เมื่อทำการสืบสวนโดยละเอียดจึงทราบว่ากลุ่มนายทุนได้นำรถที่ได้จากการรับจำนำ มาเก็บรักษาไว้ที่โกดังแห่งนี้ และเมื่อเฝ้าสังเกตการณ์พบว่ามีรถยนต์ รถจักรยานยนต์ขับเข้าออกบริเวณโกดังฯ แทบทุกวัน ลักษณะมีพิรุธ ต้องสงสัย จึงได้ยื่นคำร้องขอหมายค้นต่อศาล จากนั้นนำหมายคันศาลจังหวัดพิษณุโลกที่ 201/2564 ลง 13 ก.ย.2564 มาตรวจค้นโกดังไม่มีเลขที่ดังกล่าว ในวันที่ 14 ก.ย.2564 ผลการตรวจค้น พบรถยนต์ 84 คัน รถจักรยานยนต์ 79 คัน รวม 163 คัน จอดซุกช่อนอยู่ภายในโกดังดังกล่าว โดยมีนายแชมป์ฯ อายุ 30 ปี, นายเขตฯ อายุ 38 ปี และนายเวฟฯ อายุ 20 ปี (ขอสงวนชื่อสกุล)แสดงตัวเป็นผู้ครอบครองโกดัง
จากการสืบสวนสอบสวน นายเขตฯ และนายเวฟฯ ให้การรับสารภาพว่า ตนเป็นลูกจ้างของนายแชมป์ฯ มีหน้าที่รับรถจากลูกค้ามาเก็บรักษาไว้ภายในโกดัง เมื่อลูกค้าจะไถ่รถคืนก็จะนำรถไปส่งมอบตามจุดที่นัดหมาย ได้ค่าตอบแทนเป็นรายเดือน เดือนละ 15000 บาท
ด้านนายแชมป์ฯ และนายหยิมฯ รับสารภาพว่า ตนร่วมกันปล่อยดอกเบี้ยเงินกู้ให้กับลูกค้าทั่วไปผ่านเพจ facebook ดังกล่าวจริง คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 10 ต่อเดือน คิดค่าจอดรถจักรยานยนต์ 300-500 บาท รถยนต์ 2000 บาท ต่อครั้ง โดยหักดอกเบี้ยและค่าจอดจากการกู้เงินครั้งแรกกับลูกค้าทันที โดยนายหยิมฯ ทำหน้าที่เป็นนายทุนฯ ส่วนนายแชมป์ฯ เป็นผู้จัดการเรื่องการติดต่อ โอนเงินและทวงเงินกับลูกค้า โดยนายแชมป์ฯ จะได้ส่วนแบ่งจากนายหยิมฯ คิดเป็นร้อยละ 3 ของกำไรที่ได้รับ ส่วนโกดังนั้นเป็นกรรมสิทธิ์ของบุคคลอื่น ซื่งพวกตนได้เช่ามาเก็บรักษารถจำนำจริง โดยเจ้าของคิดค่าเช่าเดือนละ 33000 บาท
ส่วนของผู้ที่นำรถมาจำนำส่วนใหญ่ให้การว่า ได้ติดต่อเพจ facebook ดังกล่าว เพื่อกู้เงิน โดยมีเงื่อนไขว่าต้องส่งมอบรถเพื่อค้ำประกันเงินกู้ โดยผู้ให้กู้คิดดอกเบี้ย ร้อยละ 10 ต่อเดือน และจะมีการนัดหมายส่งมอบรถกัน โดยมีนายเวฟฯ เป็นผู้มารักรถ ส่วนการโอนเงินต้นและชำระดอกเบี้ยนั้นจะทำธุรกรรมผ่านบัญชีธนาคารที่กลุ่มผู้ต้องหาให้ไว้
พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. บอกต่อว่า ซึ่งจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่า บัญชีธนาคารที่กลุ่มนายทุนใช้ในการกระทำความผิด ตั้งแต่ 1 ม.ค.2563 ถึงปัจจุบันนั้นมียอดเงินหมุนเวียนรวม 49,416,460 บาท ตามนโยบายของรัฐบาลเรื่องการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ เปิดให้มีการไกล่เกลี่ยประนอมหนี้ที่เหมาะสมและเป็นธรรม เพื่อให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย คือผู้นำรถมาจำนำ(ลูกหนี้) และกลุ่มผู้ที่รับจำนำรถ (เจ้าหนี้) แม้การรับจำนำรถเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดจะเป็นความผิดก็ตาม แต่มูลหนี้ที่เกิดขึ้นลูกหนี้ยังมีภาระที่ต้องชำระคืน จึงเปิดโอกาสให้เจ้าหนี้และลูกหนี้มีการเจรจาประนอมหนี้และคืนรถให้แก่เจ้าของกรรมสิทธิ์หรือผู้ได้รับมอบอำนาจ และสามารถคืนรถให้แก่ประชาชนได้จำนวน 46 คัน (ทำสัญญาประนอมหนี้หรือสัญญาเงินกู้ฉบับใหม่) / อยู่ระหว่างการเจรจาไกล่เกลี่ยของบริษัทไฟแนนซ์,เจ้าหนี้และลูกหนี้ จำนวน 104 คัน / อยู่ระหว่างการตรวจสอบความถูกต้องของตัวรถจากศูนย์พิสูจน์หลักฐานและกรมการขนส่งทางบก จำนวน 13 คัน
ส่วนทางคดีอาญานั้น ได้ดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหา ให้นายหยิมฯ , นายแชมป์, นายเขต และนายเวฟ “ร่วมกันให้บุคคลอื่นกู้ยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้” ขณะนี้อยู่ระหว่างสรุปสำนวนการสอบสวนเสนอพนักงานอัยการเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ขณะที่ผู้เสียหายชาว จ.พิจิตร รายหนึ่งกล่าวว่า ตนเองเป็นชาวจังหวัดพิจิตร ได้ทราบเรื่องจากเงินกู้จากเพจ จึงได้เปิดเข้ามาดูและโทรสอบถาม เห็นกระบวนการในการให้เงินกู้ค่อนข้างง่าย แต่เป็นการจำนำโดยนำรถมาจอด จึงได้นำรถมาไว้ เนื่องจากมีความจำเป็นเพราะช่วง covid เจอปัญหาทางด้านการเงิน เราหมุนเงินไม่ทัน เพจปล่อยเงินกู้จึงเป็นทางเลือกในการนำรถมาจำนำไว้ สำหรับตัวเองมียอด การขอเงินกู้จำนวน 2 แสนบาท ซึ่งต้องจ่ายดอกเบี้ยเดือนละ 20,000 บาททุกเดือนยอมรับว่าดอกเบี้ยค่อนข้างโหดแต่ก็มีความจำเป็นต้องใช้เงิน ทำให้ต้องมากู้เงินดังกล่าว
ทั้งนี้ตำรวจสอบสวนกลางของฝากประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบว่า ปัจจุบันมีมิจฉาชีพที่อาศัยช่วงที่ประชาชนมองหาแหล่งเงินกู้ แอบอ้างเป็นผู้ให้บริการเงินกู้ โดยใช้ข้อความชวนเชื่อ กู้ง่าย ได้เงินเร็ว ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย ตำรวจสอบสวนกลางขอแนะนำให้ประชาชน ตรวจสอบแหล่งเงินกู้ซื่งเป็นผู้ให้บริการที่ได้รับอนุญาตประกอบธุรกิจสิ้นเชื่อจากธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ www.bot.or.th ให้แน่ใจว่าผู้ให้บริการเหล่านั้นได้รับอนุญาตประกอบธุรกิจอย่างถูกต้อง ก่อนตัดสินใจกู้เงิน
โดยเช้าวันนี้ มีผู้ที่นำรถมาจำนำ นำเอกสาร มาขอคืน เป็นรถยนต์ 15 คัน รถจักรยานยนต์ 8 คันรวมทั้งสิ้น 23 คัน โดยผู้เสียหายส่วนใหญ่ รับสารภาพว่าต้องการเงินด่วนไปใช้ฉุกเฉิน เนื่องจากสถานการณ์โควิด บางคนก็มาจำนำถึง 3 รอบ เพื่อนำเงินไปลงทุนทำนา