ชุดลาดตระเวนออนไลน์ (ONLINE PATROL) ของ บก.สส.ภ.2 ได้ตรวจสอบพบคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่ใช้เฟสบุ๊ค (facebook) ชื่อว่า “เบอร์มงคล รหัสเปลี่ยนชีวิต” มีการลักลอบจำหน่ายเบอร์โทรศัพท์ที่มีเลขสวยและมีการลงทะเบียนซิมการ์ดไว้แล้ว ซึ่งเมื่อทำการตรวจสอบพบว่ากลุ่มคนร้ายจะลักลอบนำข้อมูลของประชาชนที่เคยสั่งซื้อซิมการ์ดกับกลุ่มคนร้าย ไปลงทะเบียนเปิดเบอร์ใหม่อีกจำนวนมาก โดยที่เจ้าของบัตรประจำตัวประชาชนไม่รู้เรื่อง และเมื่อกลุ่มคนร้ายลงทะเบียนด้วยข้อมูลของผู้เสียหายจนถึงกำหนดที่บุคคลคนหนึ่งจะลงทะเบียนเปิดเบอร์ได้แล้วนั้น กลุ่มคนร้ายยังอาศัยการตัดต่อโดยปลอมแปลงบัตรประจำตัวประชาชนเดิมนั้น เปลี่ยนแปลงข้อมูลเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ผู้ให้บริการรับลงทะเบียน ทำให้สามารถลงทะเบียนสั่งซื้อเบอร์โทรศัพท์ได้อย่างไม่จำกัดด้วยชื่อของผู้เสียหาย และลักลอบขายเบอร์เหล่านั้นให้กับกลุ่มลูกค้าที่ไม่ประสงค์ลงทะเบียนตามกฎหมาย ในบางรายมีราคาสูงถึง 270,000 บาท (สองแสนเจ็ดหมื่นบาทถ้วน) ซึ่งอาจมีกลุ่มมิจฉาชีพซื้อเพื่อนำไปใช้งานทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบได้ยาก สร้างความเสียหายให้สังคม และเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ อีกทั้งกลุ่มคนร้ายมีประวัติต้องโทษในคดียาเสพติดและอาวุธปืน จึงรายงานให้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.ทราบ และได้ลงมาควบคุมสืบสวนจับกุมด้วยตนเอง และจากการขยายผลตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในการสร้างความเชื่อมั่น และความปลอดภัยให้กับประชาชน ตลอดจนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย
เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2564 เวลา 07.00 น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.ภ.2 นำทีมสืบสวนของ ผบ.ตร. , บก.สส.ภ.2 และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมือง พิษณุโลก ร่วมกันจับกุม
1. นายอนุวัติ พุ่มมา อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 86 หมู่ที่ 6 ตำบลปากโทก อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก สองสามีภรรยา ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดพิษณุโลกที่ จ.287/2564 ลงวันที่ 28 ตุลาคม 2564 ผู้ต้องหาที่
2. น.ส.ณภษร ขุนพารเพิง อายุ 33 ปี ที่อยู่ 75/1 หมู่ที่ 4 ตำบลดอนตรอ อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนครศรีธรรมราช ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดพิษณุโลกที่ จ.288/2564 ผู้ต้องหาที่ 2
พร้อมด้วยของกลาง 1. คอมพิวเตอร์ CPU จำนวน 1 เครื่อง ตรวจสอบแล้วพบข้อมูลในคอมพิวเตอร์ของผู้ต้องหาตัดต่อบัตรประจำตัวประชาชน จำนวนประมาณ 15,600 ภาพ2. เอกสารการลงทะเบียนเปิดเบอร์โทรศัพท์ที่ถูกปลอมแปลง จำนวน 69 ฉบับ3. บัตรประจำตัวประชาชนปลอม จำนวน 68 ฉบับ ( 68 คน)4. ซิมการ์ดผ่านการลงทะเบียนแล้วประมาณ 1,500 ซิมการ์ดโดยกล่าวหาว่า “ ร่วมกันปลอมเอกสารราชการและใช้เอกสารราชการปลอม , ร่วมกันเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ที่มีมาตราการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉาะ และมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน และร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยการหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”
กล่าวคือ ชุดลาดตระเวนออนไลน์ (ONLINE PATROL) ของ บก.สส.ภ.2 จัดตั้งตามแนวคิดของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ตรวจสอบพบ เฟสบุ๊ค (facebook) ที่ใช้ชื่อว่า “เบอร์มงคล รหัสเปลี่ยนชีวิต” พบว่าซิมการ์ดที่โพสขาย มีการจดทะเบียนโดยผู้เสียหายโดยเจ้าตัวไม่รู้เรื่อง จึงได้รายงานการสืบสวนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนของ ผบ.ตร. ร่วมกับบริษัท ผู้ให้บริการ (ขอสงวนนาม) ดำเนินการตรวจสอบ ต่อมาได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมือง พิษณุโลกร่วมทำการตรวจค้นพบของกลาง ปรากฏตามรายการของกลาง จากการตรวจสอบของกลางมีการตัดต่อปลอมแปลงภาพบัตรประชาชนเป็นเอกสารที่ตกค้างในบ้านพัก จำนวน 54 ใบ และพบข้อมูลส่วนใหญ่ในคอมพิวเตอร์ของผู้ต้องหา ที่มีการตัดต่อบัตรประจำตัวประชาชนไปแล้ว จำนวนมากถึง 10,600 ภาพ และข้อมูลการปลอมแปลงที่ตรวจพบเหล่านั้นตรวจสอบแล้วไม่พบว่ามีตัวตนในฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ ของทางราชการ เพราะถูกปลอมแปลงข้อมูลในบางส่วน สร้างความเสียหายกับประชาชนจำนวนมาก ถือเป็นภัยต่อความมั่นคง และทางสังคมเป็นอย่างยิ่งที่กลุ่มมิจฉาชีพจะซื้อนำไปใช้การกระทำความผิดคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดประเภทอื่นโดยชั้นจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 ยอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับ และให้การภาคเสธโดยยอมรับว่าเอกสารบัตรประจำตัวประชาชนเป็นของปลอมโดยซิมเหล่านั้นขายให้กับกลุ่มคนในโลกออนไลน์ผ่าน facebook อาจจะมีกลุ่มมิจฉาชีพมาซื้อโดยยอมรับว่าหมายเลขที่ตนเองขายไปจะถูกนำไปใช้ทำอะไรบ้างก็ไม่รู้ และจากการสืบสวนพบว่ามีบางเบอร์ขายในราคาสูงสุดถึง 270,000 บาท
นโยบายของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. มีการประสานงานร่วมกับผู้ให้บริการในการสืบสวนขยายผลต่อ และขอความร่วมมือให้ประชาชนตรวจสอบกับผู้ให้บริการโทรศัพท์โดยเร็วว่า ชื่อ-สกุลจริง ของตนเองถูกใช้ลงทะเบียนหมายเลขโทรศัพท์อื่นที่ไม่ใช่ของตนเองหรือไม่ และขอเตือนผู้ประกอบธุรกิจประเภทนี้ให้ ตำรวจและผู้ให้บริการจะร่วมกันตรวจสอบอย่างจริงจัง หากตรวจพบจะดำเนินคดีตามกฎหมายทุกรายพล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.ภ.2 กล่าวว่า “ขอเตือนภัยประชาชน การซื้อของออนไลน์ เป็นช่องทางให้มิจฉาชีพนำข้อมูลไปใช้ในทางมิชอบ ให้ใช้ความระมัดระวัง หากมีความจำเป็นที่จะต้องส่งข้อมูลบัตรประจำตัวประชาชน ให้ทำการขีดค่อมหรือใส่ข้อความลายน้ำพร้อมระบุข้อความให้ชัดเจนว่าใช้เพื่อการใด อย่าชะล่าใจ อย่าไว้ใจใครในโลกออนไลน์ ด้วยความปราถนาดีจาก ทีมลาดตระเวนออนไลน์ บช.ภ.2”