ส่องด่านหินที่ “ตะวันฉาย” ต้องผ่าน หากหมายไต่บัลลังก์ “เพชรมรกต”

แบ่งปัน

ทำเอาแฟนหมัดมวยอึ้งไม่น้อย เมื่อ “ตะวันฉาย พีเค.แสนชัยมวยไทยยิม” นักมวยหนุ่มดาวรุ่งซึ่งเปิดตัวสร้างฟอร์มในรุ่นแบนตัมเวต 65.8 กก.อย่างงดงามบนเวที ONE ประกาศทิ้งเป้าหมายชิงแชมป์โลกรุ่นนี้กับ “น้องโอ๋ ไก่ย่างห้าดาว” ขอข้ามไปไต่แรงกิงในรุ่นใหญ่เฟเธอร์เวต 70.3 กก. หลังชนะน็อก “เสมาเพชร แฟร์เท็กซ์” เมื่อวันศุกร์ที่ 14 ม.ค.ที่ผ่านมาในศึก ONE: HEAVY HITTERS

ตะวันฉาย พี.เค.แสนชัยมวยไทยยิม

สาเหตุหลักมาจากไฟต์ล่าสุด ตะวันฉาย ทำน้ำหนักในรุ่น 65.8 กก.ไม่ได้ แม้จะใช้ความพยายามอย่างหนักหนาสาหัส ด้วยโครงสร้างร่างกายที่ยังใหญ่ได้อีก ประกอบกับใน ONE มีการวัดระดับน้ำในร่างกายควบคู่ไปด้วย จึงทำให้เจ้าตัวเปลี่ยนเป้าหมายใหม่ไปที่แชมป์โลกรุ่นใหญ่อย่าง “เพชรมรกต เพชรยินดีอะคาเดมี” แทน

แต่เส้นทางสายนี้ไม่ง่ายเพราะ ตะวันฉาย จะต้องเจอข้าศึกตัวใหญ่ ที่บางคนอาจมีโครงสร้างและน้ำหนักธรรมชาติมากถึง 80 กก. วันนี้เราจะพาไปดูกันว่าบนเส้นทางสู่บัลลังก์รุ่นเฟเธอร์เวต ตะวันฉาย ต้องเจอกับใครบ้างก่อนจะแตะถึงตัวเจ้าบัลลังก์อย่าง เพชรมรกต

เพชรมรกต เพชรยินดีอะคาเดมี

#อันดับ 5

เซมี ซานา

“AK47” เซมี ซานา นักชกชาวอัลจีเรีย-ฝรั่งเศส ดีกรีแชมป์โลกมวยไทยและคิกบ็อกซิ่ง 3 สมัย ได้ชื่อว่าเป็นนักชกต่างชาติที่สามารถใช้อาวุธมวยไทยได้เจนจัดคนหนึ่ง พิสูจน์ได้จากการเอาชนะ เจ้าตำนานอย่าง “ยอดแสนไกล ไอเว แฟร์เท็กซ์” มาแล้วในการแข่งขันคิกบ็อกซิ่ง เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ รุ่นเฟเธอร์เวต ปี 2562 และได้ตำแหน่งรองแชมป์ของทัวร์นาเมนต์ไปครองอีกด้วย

#อันดับ 4

สิทธิชัย ศิษย์สองพี่น้อง

แม้ “สิทธิชัย ศิษย์สองพี่น้อง” จะเป็นเอกในสายคิกบ็อกซิ่ง แต่หลังจากที่เขาต้องข้ามสายมาชกมวยไทยอย่างไม่ได้ตั้งใจเพราะเหตุสุดวิสัย และคว้าชัยเหนือ ตะวันฉาย ในกติกามวยไทย รุ่นเฟเธอร์เวต (65.9-70.3 กก.) เมื่อเดือนสิงหาคม 2564 ก็ทำให้เขามีรายชื่อเป็นหนึ่งในผู้ท้าชิงในแรงกิงสายมวยไทยในรุ่นนี้ด้วย ซึ่ง ตะวันฉาย เอง ก็น่าจะได้รู้ฝีมือของรุ่นพี่รายนี้บ้างแล้วและโอกาสได้ประมือกันอีกครั้งในอนาคต

แต่ตอนนี้ สิทธิชัย คงขอโฟกัสที่การแข่งขันคิกบ็อกซิ่ง เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ รุ่นเฟเธอร์เวต ที่กำลังจะมีขึ้นในศึก ONE: ONLY THE BRAVE วันศุกร์ที่ 28 ม.ค.นี้ ก่อนเป็นอันดับแรก โดยเจ้าตัวต้องเจอกับอริเก่า “ดาวิต คิเรีย” เพื่อผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศต่อไป



#อับดับ 3

โจ ณัฐวุฒิ

นักมวยไทยที่ไปดังในต่างแดน “โจ ณัฐวุฒิ” มีดีกรีเป็นถึงแชมป์ WMC มวยไทย และแชมป์ไลออนไฟต์รายการใหญ่ของเมืองลุงแซมถึงสองรุ่น รายนี้เชี่ยวชาญทั้งมวยไทยและคิกบ็อกซิ่ง ผ่านศึกใน วัน แชมเปียนชิพ มาแล้ว 7 ไฟต์ โดยสองไฟต์ที่เขาได้รับความพ่ายแพ้เกิดจากคู่แข่งเพียงคนเดียวนั่นคือ “จอร์จิโอ เปโตรเซียน”

ล่าสุด โจ เพิ่งจะโชว์ฟอร์มโหดชนะน็อกในการแข่งขันคู่สำรองคิกบ็อกซิ่ง เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ เมื่อเดือน พ.ย.64 ด้วย โดยเขากำลังจะได้ลงศึกอีกครั้งในศึกเดียวกับ สิทธิชัย เพื่อชิงเก้าอี้สำรองของการแข่งขันกับนักชกดาวรุ่ง “โดวิดาส ริมคุส”

#2 ซุปเปอร์บอน

“ซุปเปอร์บอน” ราชันย์คิกบ็อกซิ่ง รุ่นเฟเธอร์เวต คนปัจจุบัน แม้เขาจะยังไม่เคยชกกติกามวยไทยบนเวที ONE แต่ก็เคยให้สัมภาษณ์ว่าอยากชิงบัลลังก์ของ เพชรมรกต อยู่เหมือนกัน แถมเขายังถูกจัดให้อยู่อันดับ 2 ของแรงกิง นั่นหมายความว่าโอกาสที่ได้ชิงเข็มขัดแชมป์เส้นที่สองอยู่ไม่ไกล หาก ตะวันฉาย ต้องประมือกับผู้ได้ชื่อว่าเป็นมือปราบตัวพ่อคิกบ็อกซิ่ง “จอร์จิโอ เปโตรเซียน” คงไม่ต้องบอกว่างานนี้หินแค่ไหน

#1 จามาล ยูพูซอฟ

นักมวยม้ามืดหมัดหนักจากรัสเซีย “จามาล ยูซูพอฟ” ที่มาเปิดตัวครั้งแรกด้วยการสร้างปรากฏการณ์น็อกช็อกโลก สยบเจ้าตำนานมวยไทย “ยอดแสนไกล ไอเว แฟร์เท็กซ์” คว้าฟาสต์แทร็กได้โอกาสขึ้นชิงแชมป์โลกกับ เพชรมรกต แต่เพราะเกิดบาดเจ็บจึงต้องถอนตัวกระทันหัน ก่อนที่จะกลับมาโชว์ฟอร์มกำชัยเหนือตัวท็อปของรุ่นนี้อีกคนอย่าง “เซมี ซานา” อย่างสวยงามเมื่อเดือนธันวาคม 2563 โดยตอนนี้ เขาก็กำลังรอจ่อคิวซิวเข็มขัดกับ เพชรมรกต อย่างใจจดจ่อและคงไม่ให้ใครมาตัดหน้าเขาไปง่าย ๆ แน่นอน

นี่ยังไม่รวมนักชกฝีมือดีอีกหลายคนที่ไม่ได้อยู่ในแรงกิงซึ่งพร้อมรอต้อนรับน้องใหม่ของรุ่นเฟเธอร์เวต อย่าง ตะวันฉาย แต่น้องใหม่รายนี้ก็อันตรายไม่เบา และเขาก็มีความมั่นอกมั่นใจว่าเส้นทางสายใหม่จะนำพาเขาไปสู่จุดหมายปลายทางความสำเร็จได้แน่นอน

ขอบคุณข้อมูลจาก ONEFC