ลีลาไม่หวานเหมือนหน้าตา "น้องพิ้งค์-พิชฌามลณ์” นางฟ้าขนไก่ไต่ระดับสู่ทีมชาติ

แบ่งปัน

ผู้จัดการสุดสัปดาห์ 360 – แบดมินตันไทยยังคงมีดาวดวงใหม่โชว์ผลงานขึ้นมาประดับวงการอยู่เสมอ หนึ่งในนั้นคือ “น้องพิ้งค์” พิชฌามลณ์ โอภาสนิพัทธ์ สาวน้อยวัย 15 ปี เจ้าของฉายา “นางฟ้าแบดมินตัน” ที่เพิ่งประกาศศักดาคว้าแชมป์ในระดับ บีดับเบิลยูเอฟ อินเตอร์เนชั่นแนล ซีรีส์ รายการเอสโตเนีย โอเพ่น และ วิคเตอร์ สวีดิช โอเพ่น 2022 ในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา จนทำให้มีชื่อเป็นตัวแทนทีมชาติไทยในประเภทหญิงเดี่ยว ลุยมหกรรมซีเกมส์ครั้งที่ 31 ที่ประเทศเวียดนาม และศึกทีมชิงแชมป์โลก โธมัส-อูเบอร์คัพ ที่ประเทศไทย ในเดือน พ.ค.นี้

ด้วยหน้าตาน่ารักสวยสมวัยจนใครเห็นก็มีอันต้องหลงรัก ทำให้สปอตไลท์มากมายฉายแสงมาที่สาวน้อยจากจังหวัดเชียงใหม่คนนี้ แต่กว่าเธอจะประสบความสำเร็จได้อย่างทุกวันนี้ ต้องอาศัยแรงผลักดันอย่างมากจากผู้เป็นพ่อ (พิพัฒน์ โอภาสนิพัทธ์) ซึ่งเป็นผู้ฝึกสอนให้กับสโมสรแบดมินตันไทยสไมล์ ที่พอลูกสาวหัดเดินได้ปุ๊บก็ฝึกจับไม้แบดฯ ตั้งแต่ 2-3 ขวบ กระทั่ง 4 ขวบ ก็วางโปรแกรมฝึกซ้อมอย่างจริงจัง ก่อนจะส่งไม้ต่อไปให้กับ “โค้ชตี๋” เกษมศักดิ์ จตุจินดา อดีตนักแบดมินตันและผู้ฝึกสอนแบดมินตันทีมชาติไทย ช่วยปลุกปั้น

เมื่อฝึกฝนจนมีฝีมือพอตัว หนูน้อยได้เริ่มออกแข่งขันตั้งแต่ 4 ขวบ แต่ผลออกมาแพ้มากกว่าชนะ เพราะเธอต้องลงแข่งข้ามรุ่นกับรุ่นพี่อายุ 8 ขวบ ซึ่งถือเป็นรุ่นเล็กสุดในการแข่งขันแบดมินตัน ทำให้เธอต้องทุ่มเทเวลาฝึกซ้อมอย่างเต็มที่มากกว่าเดิม ยิ่งในช่วงปิดเทอมจะมีโปรแกรมซ้อม 2 เวลาคือเช้าเวลา 10.00-12.00 น. และเย็น จะเริ่มเวลา 16.00 น.ซ้อมยาวไปจนถึง 21.00 น. โดยไม่มีความท้อแท้เข้ามาเป็นอุปสรรค เพราะเธอคิดเพียงว่าต้องพยายามให้มากขึ้นเพื่อให้ผลงานออกมาดีที่สุดเท่านั้น

”เวลาหนูแพ้ หนูจะรู้สึกว่าต้องกลับไปซ้อมให้ดีขึ้น เพื่อปรับปรุงแก้ไขให้ดี และกลับไปแข่งใหม่อีกรอบเพื่อให้ผลงานมันดีขึ้น สำหรับหนูการแพ้ไม่ซีเรียส เพราะกีฬามีแพ้มีชนะสำหรับหนูเวลาเจอคนที่มีประสบการณ์มากกว่า มันเป็นข้อดี เพราะหนูจะไม่กดดัน หนูก็จะพยายามไม่เครียด ไม่คิดมาก ไม่กดดันตัวเอง ก็อาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ตีกับรุ่นพี่ได้ดี” น้องพิ้งค์ เผย

หลังจากนั้นผลงานของเธอก็ดีขึ้นตามลำดับ จนในที่สุดความพยายามก็เห็นผลทำให้ “น้องพิ้งค์” สร้างผลงานได้โดดเด่นกว่านักกีฬาวัยเดียวกัน กระทั่งในวัย 11 ปี ก็สามารถคว้าแชมป์หญิงเดี่ยว “ซียู โอเพ่น 2018”, แชมป์แบดมินตันอินเตอร์ เนชั่นแนล ชาเลนจ์ 2018 “โยเน็กซ์ โรซ่า บ้านทองหยอด2018”, แชมป์หญิงเดี่ยวเยาวชนแห่งชาติ 2018 รวมถึงแชมป์รายการต่างประเทศ “วิคเตอร์ เอ๊กซ์ซิส จาการ์ตา โอเพ่น จูเนียร์ อินเตอร์เนชั่นแนล แชมเปี้ยนชิพ 2018” กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย จากนั้นในวัย 13 ปี เธอก็มีชื่อติดเยาวชนทีมชาติครั้งแรก ในชุดทำศึกเยาวชนชิงแชมป์โลก 2020 ถือเป็นนักแบดมินตันเยาวชนอายุ 13 ปี คนที่ 2 ที่สามารถทำได้ ต่อจาก รัชนก อินทนนท์

แม้หน้าตา และส่วนสูงถึง 170 เซนติเมตรของสาวน้อยจะโดดเด่นจนสามารถเอาดีด้านวงการบันเทิงได้ แต่เธอก็ยืนยันที่จะเอาดีในกีฬาแบดมินตัน ตามความตั้งใจของพ่อกับแม่ แล้วก็ของตัวเองอีกด้วย เพราะเธอมีไอดอลอย่าง รัชนก อินทนนท์ อดีตมือ 1 ของโลกชาวไทย ที่เป็นแบบอย่างทั้งความมุ่งมั่นตั้งใจ และการไม่ยอมแพ้อะไรง่าย ๆ

สำหรับการมีชื่อติดทีมชาติ ลุยซีเกมส์ ที่ประเทศเวียดนาม เป็นครั้งแรก “พิชฌามลณ์” ยอมรับว่าจะพยายามฝึกซ้อมให้เต็มที่ เพิ่มความแข็งแกร่งให้ร่างกายมากขึ้น เพราะรู้ดีว่ายังต้องเบียดกับรุ่นพี่อีกหลายคนในทีมชาติไทย ไม่ว่าจะเป็น “หมิว” พรปวีณ์ ช่อชูวงศ์ , “จิว” พิทยาภรณ์ ไชยวรรณ หรือ “เมย์” ศุภนิดา เกตุทอง “หนูรู้สึกดีใจมากที่มีชื่อติดทีมชาติเป็นครั้งแรก ตอนนี้ก็พยายามซ้อมให้เต็มที่ ส่วนโอกาสในการลงสนามก็ไม่ได้คาดหวังอะไรขนาดนั้น เพราะเราก็อายุยังน้อย ถ้าได้ตีก็จะทำเต็มที่ ถ้าไม่ได้ตีก็ไม่เป็นไรให้รุ่นพี่ตีไปก่อน เราก็ถือว่าไปเอาประสบการณ์กับรุ่นพี่”

นอกจากนี้ “โค้ชตี๋” เกษมศักดิ์ จตุจินดา ยังได้กล่าวถึงการพัฒนาฝีมือของ “น้องพิงค์” พิชฌามลณ์ โอภาสนิพัทธ์ ให้มีลักษณะคล้ายกับ “ไท่ ซื่อ หยิง” นักแบดมินตันหญิงชาวไต้หวัน และ “เทาฟิค ฮาดายัต” นักแบดมินตันชายจากอินโดนีเซีย ที่มีจังหวะฝีมือ ครบเครื่อง และมีอาวุธเด็ดอยู่ที่จังหวะการหลอกล่อคู่แข่ง ซึ่งในปีนี้สโมสรเกษมศักดิ์ แบดมินตัน อะคาเดมี่ ได้รับการสนับสนุนจาก BTS GROUPS, PRINCIPAL HEALHTCARE และสมาคมกีฬาแบดมินตันฯ ทำให้มีโอกาสที่จะได้เห็น สาวน้อยวัย 15 ปี ออกล่าประสบการณ์ในเวทีต่างประเทศไม่ต่ำกว่า 10 รายการ เพื่อทำคะแนนสะสมอันดับโลกให้ได้มากที่สุด เพราะเป้าหมายที่โค้ชวางไว้ให้สาวน้อยคนนี้ คือการลุยโอลิมปิกเกมส์ในอีก 2 ปีข้างหน้า ในขณะที่ตัวของสาวน้อยเองก็ฝันที่จะลุยรายการซูเปอร์ 300 500 และ 1,000 ให้ได้ เพราะเธอวาดฝันที่จะก้าวขึ้นไปเป็นมือ 1 โลก ให้เหมือนที่ไอดอลของเธอ “รัชนก อินทนนท์” เคยทำได้นั่นเอง