วันที่ 14 ตุลาคม 2566 เวลาประมาณ 10.00น. นาย เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์น้ำ ที่ จ.พิษณุโลก โดยเดินทางมาตรวจติดตามการผลิตน้ำประปา ที่ใช้น้ำดิบจากแม่น้ำน่าน ของเทศบาลนครพิษณุโลก เป็นจุดแรก โดยมี นายภูสิต สมจิตต์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ดร.เปรมฤดี ชามพูนท นายกเทศมนตรีนครพิษณุโลก คณะผู้บริหาร สมาชิกสภาเทศบาล หน่วยงานภาครัฐและเอกชน และประชาชนให้การต้อนรับ
ดร.เปรม ชามพูนท นายกเทศมนตรีนครพิษณุโลก ได้รายงานสภาพปัญหาและแนวทางแก้ไขในระบบผลิตระบบจ่ายน้ำประปาเทศบาลนครพิษณุโลกว่า ในปัจจุบันพิษณุโลกมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมีการสร้างบ้านพักอาศัย โรงแรม หอพัก อพาร์ทเม้นท์และห้างสรรพสินค้า เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีประชากรอาศัยอยู่อย่างหนาแน่น มีความต้องการที่จะใช้น้ำประปาเพิ่มขึ้นปีละ 500 ราย ปริมาณการใช้น้ำประปาเพิ่มขึ้นปีละ 113,000 ลูกบาศก์เมตรต่อปี ประกอบกับท่อเมนจ่ายน้ำประปาที่ทางเทศบาลนครพิษณุโลกมีอยู่นั้น มีอายุการใช้งานถึง 70 ปี เป็นท่อใยหิน มีสภาพเก่าและชำรุด ทำให้น้ำประปารั่วไหล ถึงปีละ 11,255,714 ลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 50 ของปริมาณและประปาที่ผลิตได้ทั้งหมด คิดเป็นมูลค่าความสูญเสียเป็นจำนวนเงิน ปีละไม่น้อยกว่า 20 ล้านบาทต่อปี โดยมีแนวทางในการแก้ปัญหาโดยการก่อสร้างเพิ่มอัตราการผลิตเพิ่มถังน้ำใสให้รองรับการใช้บริการได้อย่างเพียงพอตลอดเวลาปรับปรุงระบบเส้นท่อให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้บริการผู้ใช้น้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
โดยการลงพื้นที่ในครั้งนี้ นาย เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ร่วมหารือ เพื่อแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนในระยะยาว โดยเทศบาลเทศบาลนครพิษณุโลกพร้อมดูแลและให้บริการระบบน้ำประปาให้ชาวเมืองพิษณุโลก และขอรับการสนับสนุนด้านงบประมาณและคำปรึกษา จากการประปานครหลวงในการพัฒนาบุคลากรและปรับปรุงระบบผลิตและจ่ายน้ำประปาของเทศบาลนครพิษณุโลก อีกทั้งกรมชลประทานดำเนินการศึกษาเพื่อก่อสร้างเขื่อนท้ายเมือง เพื่อบริหารจัดการระบบรักษาระดับน้ำและสาธารณูปโภคเมืองภายในปี 2567 ต่อไป