รมช.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสหกรณ์การเกษตร พร้อมเปิดโรงอบลดความชื้นข้าวเปลือก

แบ่งปัน

วันที่ 18 กันยายน 2563 เวลา 14.00 น จุดบริการสหกรณ์การเกษตรพรหมพิราม จำกัด ตำบลหอกลอง อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ และคณะ ลงพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก เพื่อตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของสหกรณ์การเกษตรพรหมพิราม จำกัด เป็นประธานในพิธีเปิดโรงอบลดความชื้นข้าวเปลือก ขนาด 500 ตันต่อวัน มอบเงินอุดหนุนอุปกรณ์การตลาดแก่สหกรณ์ที่ได้รับการสนับสนุนตามโครงการปรับโครงสร้างการผลิต การรวบรวม การแปรรูปของสถาบันเกษตรกรรองรับผลผลิตทางการเกษตร จำนวน 5 สหกรณ์ ได้แก่ สหกรณ์การเกษตรพรหมพิราม จำกัด สหกรณ์การเกษตรนิคมฯ บางระกำ จำกัด สหกรณ์วัดจันทร์ จำกัด สหกรณ์ผู้ใช้น้ำสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าบ้านตะแบกงาม จำกัด สหกรณ์ผู้ใช้น้ำชลประทานวัดพริก จำกัด งบประมาณ 80 ล้านบาท

จากนั้นได้พบปะเกษตรกรรุ่นใหม่ที่ได้สมัครเข้าร่วมโครงการนำลูกหลานเกษตรกลับบ้าน สานต่ออาชีพการเกษตรของจังหวัดพิษณุโลก และกล่าวมอบนโยบายกับสมาชิกสหกรณ์และเกษตรกรในพื้นที่ เพื่อสร้างความเข้าใจแนวทางการขับเคลื่อนนโยบายการผลิตและการตลาดสินค้าเกษตรผ่านกลไกสหกรณ์ ก่อนจะมอบสิ่งของอุปโภคบริโภคแก่ผู้แทนสหกรณ์ จำนวน 600 ถุง

นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า “รัฐบาลให้ความสำคัญในการปฏิรูปโครงสร้างการผลิต และการตลาดสินค้าเกษตรเป็นอย่างมาก เพื่อช่วยเสริมสร้างศักยภาพการผลิตสินค้าและผลผลิตการเกษตรให้มีคุณภาพ และสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรไทย ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญอย่างหนึ่งในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ โดยรัฐบาลได้ดำเนินโครงการสำคัญ ๆ หลายโครงการผ่านระบบสหกรณ์ เช่น นโยบายการตลาดนำการผลิต ซึ่งให้ความสำคัญในการผลิตสินค้าเกษตรที่ตลาดต้องการ และมีสหกรณ์เป็นกลไกการตลาด มีการสนับสนุนงบประมาณอุดหนุนอุปกรณ์การตลาดให้กับสหกรณ์ที่มีศักยภาพ เพื่อสร้างความพร้อมในการรวบรวมผลผลิต จากสมาชิกและเกษตรกรทั่วไปให้ดียิ่งขึ้น และวันนี้ได้มามอบเงินอุดหนุนอุปกรณ์การตลาดให้กับสหกรณ์ในจังหวัดพิษณุโลก รวม 5

นอกจากนี้ขอฝากให้ช่วยกันสร้างเกษตรกรรุ่นใหม่ โดยเชิญชวนลูกหลานสมาชิกกลับบ้าน มาร่วมพัฒนาการเกษตรที่บ้านเกิด ที่ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมสมัยใหม่มาช่วยในการผลิต ลดต้นทุนการผลิตเพิ่มศักยภาพการผลิต รวมถึงสร้างโอกาสทางการตลาด เพื่อพัฒนา สู่ตลาด E-commerce ต่อไปในอนาคต สำหรับสหกรณ์ที่มีธุรกิจขายสินค้าเครื่องอุปโภคบริโภคอยู่แล้วหากมีการพัฒนาให้เป็นร้านซูเปอร์มาเก็ตสหกรณ์ได้ก็จะเป็นการช่วยเหลือสมาชิกให้มีช่องทางการขายผลผลิต เช่น ผัก ผลไม้ หรือสินค้าเกษตรแปรรูปอื่น ๆ ก็จะเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตของพี่น้องเกษตรกรให้ดียิ่งขึ้นด้วย” สหกรณ์การเกษตรพรหมพิราม จำกัด จดทะเบียนตามพระราชัญญัติสหกรณ์ พ.ศ.2511 เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2517 ดำเนินงานมาเป็นระยะเวลา 46 ปี จนถึงปัจจุบัน