ทีมกู้ภัยช่วย ‘พระติดถ้ำ’ ดำน้ำลึก 4 เมตรออกมาได้แล้ว พบร่างกายยังแข็งแรง (มีคลิป)

แบ่งปัน

เช้าวันที่ 7 เมษายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงาน ปฏิบัติการช่วยเหลือ พระมานัส เขมโก อายุ 46 ปี พระนักปฏิบัติธรรม จากจังหวัดนครสวรรค์ ที่ได้เดินทางมาธุดงค์ที่ถ้ำไทรงาม ต.เนินมะปราง อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก ตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน 2564 แล้วไม่สามารถออกมาจากถ้ำได้ เนื่องจากฝนตกและน้ำท่วมขังปิดทางออกไว้ จนกระทั่งวันที่ 6 เมษายน 2564 ชาวบ้านในพื้นที่ได้แจ้งประสานขอความช่วยเหลือไปยังหน่วยงานต่างๆ เริ่มเข้าพื้นที่ช่วยเหลือตั้งแต่ช่วงบ่ายวันที่ 6 เม.ย.64 แต่ต้องยกเลิกปฏิบัติภารกิจเนื่องจากมีอุปสรรคในหลายด้าน จึงตั้งศูนย์อำนวยการอยู่บริเวณปากถ้ำ และได้ร้องขอเจ้าหน้าที่ชำนาญการด้านการกู้ชีพ-กู้ภัย ด้านถ้ำโดยเฉพาะเข้าให้การช่วย

ล่าสุด ปฏิบัติการเริ่มต้นเช้าวันที่ 7 เม.ย.64 ช่วงเวลาประมาณ 07.00 น. ได้ส่งชุดนักประดาน้ำผู้เชี่ยวชาญ และทีมงานกู้ภัย ประมาณ 16 นาย เข้าไปภายในถ้ำ โดยจัดชุดนักประดาน้ำ 6 นายดำน้ำเข้าไปเพื่อทำการค้นหาพระมานัสตามแผนประชุมที่วางไว้ โดยระยะทางจากปากถ้ำใช้วิธีเดินเท้าเข้าไประยะทางประมาณ 400 เมตร มีน้ำขังสูงประมาณ 1 เมตร จากนั้นจะเป็นลักษณะแอ่งกระทะแบบคอห่านความยาวประมาณ 15 เมตรระดับน้ำท่วมคอห่าน สูงประมาณ 4 เมตร ปิดทางเดิน และมั่นใจว่าพ้นจากจุดคอห่านจุดนี้ จะเป็นห้องโถงโล่งซึ่งคาดว่าพระมานัสจะอยู่ตรงนั้น

จากนั้นในเวลา 10.00 น. นายรณชัย จิตรวิเศษ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนถึงแนวทางการดำเนินการให้ความช่วยเหลือในวันนี้ โดยช่วงเช้าไปจัดชุดนักประดาน้ำและทีมกู้ชีพเข้าไป โดยให้ชุดนักประดาน้ำดำน้ำเข้าเพื่อให้ผ่านจุดคอห่าน เพื่อสำรวจว่าพบพระมานัสหรือไม่ หากพบ อยู่ในสภาพใด พร้อมกับประเมินสถานการณ์แนวทางการช่วยเหลือ ซึ่งต้องรอนักประดาน้ำชุดที่ 1 ส่งสัญญาณออกมาก่อน จึงจะสามารถวางแนวทาง และวิธีการให้ความช่วยเหลือต่อไป ขณะที่บริเวณกองอำนวยการ ทุกหน่วยงานได้ระดมความช่วยเหลือมารอ ทั้งกองอำนวยการ ประสาน อุปกรณ์กู้ชีพ รถพยาบาล รวมถึงเครื่องสูบน้ำ และเครื่องมือส่องสว่าง เพื่อเตรียมพร้อมเข้าช่วยเหลือ

ต่อมา เวลา 10.30 น.ได้รับแจ้งจากชุดกู้ภัยที่เดินทางเข้าไปในถ้ำพร้อมชุดนักประดาน้ำว่าพบตัวพระมานัสแล้ว อยู่ในจุดที่คาดการณ์ไว้จริง พระมานัสอยู่ในสภาพอิดโรยเล็กน้อย เนื่องจากร่างกายมีไข้อ่อนๆ แต่ภาพรวมยังค่อนข้างแข็งแรงและพร้อมที่จะรับความช่วยเหลือในการเดินทางออกจากถ้ำ ซึ่งหลังจากได้รับข้อมูลจากเจ้าหน้าที่กู้ภัย นายรณชัย จิตรวิเศษ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ได้วาง 2 มาตรการในการให้ความช่วยเหลือ คือ 1.ประเมินสภาพร่างกายพระมานัสว่าแข็งแรงพอที่จะสามารถดำน้ำออกมาพร้อมนักประดาน้ำได้หรือไม่ และ 2.กรณีที่ร่างกายพระมานัสไม่พร้อมและไม่แข็งแรง จะต้องใช้วิธี ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ และทำการสูบน้ำออกให้ลดลงจนถึงช่องคอห่าน ประมาณ 1.60 เมตร แล้วให้พระมานัสลอยคอกึ่งเดินข้ามมา ซึ่งวิธีที่ 2 นั้นจะใช้เวลาพอสมควร เพราะเครื่องสูบน้ำสามารถเข้าได้เป็นขนาดท่อ 2-3 นิ้ว หรือขนาดเล็ก เนื่องจากใช้ขนาดใหญ่ไม่ได้ เพราะพื้นที่ค่อนข้างจำกัด

เวลาต่อมา กองอำนวยการได้รับการประสานจากชุดนักประดาน้ำว่า สภาพร่างกายของพระมานัสพร้อมที่จะใช้วิธีดำน้ำออกมา ผู้ว่าฯจึงสั่งการให้เริ่มปฏิบัติการกู้ภัยนำตัวพระมานัสออกมา โดยใช้วิธีให้ทีมนักประดาน้ำชุดที่ 2 นำถังออกซิเจน พร้อมสกูบ้า เข้าไปให้พระมานัส อุปกรณ์ทุกอย่างพร้อม ทีมกู้ภัยจึงได้เริ่มปฏิบัติการ โดยให้พระมานัสคาบสกูบ้า โดยวางแถวให้นักประดาน้ำ 2 นายนำหน้า ตามด้วยพระมานัส และนักประดาน้ำอีก 2 นาย ประกบท้าย จนกระทั่งเวลา 11.20 น. ได้รับรายงานว่าชุดนักประดาน้ำพร้อมด้วยพระมานัส ได้เดินทางมาถึงปากถ้ำแล้ว ทุกคนที่อยู่ในพื้นที่ต่างปรบมือ เฮลั่น ดังสนั่น เพราะนั่นหมายความว่าภารกิจใกล้สำเร็จแล้ว

เวลา 11.30 น.ทุกคนได้พบหน้าชุดนักประดาน้ำ และพระมานัส เขมโก ปฏิบัติการกู้ชีพ-กู้ภัย สำเร็จลุล่วง จากนั้นได้นำตัวพระมานัส ขึ้นรถโรงพยาบาลเนินมะปรางเพื่อตรวจร่างกาย และชีพจร พบว่าพระมานัส ยังมีร่างกายที่แข็งแรงดี ความดันปกติ มีไข้เล็กน้อย จึงนำส่งรักษาตัวต่อที่ โรงพยาบาลเนินมะปราง

ด้านนายชาญชัย ศุภวีระกุล ชุดประดาน้ำมูลนิธิเพื่อนพึ่งพายามยาก เล่าให้ฟังว่า ทีมดำน้ำตนเองมาจากกรุงเทพฯ เพื่อมาดำน้ำช่วยเหลือพระที่ติดอยู่ในถ้ำ โดยเริ่มดำตั้งแต่เวลา 08.30 น. โดยใช้เวลาเกือบ 2 ชม.ก็สามารถผ่านจุดขอห่านไปได้แล้ว ก็พบห้องโถงบริเวณ จึงได้ตะโกนเรียกหลวงพี่ ประมาณ 2 นาที ก็ได้ยินเสียงตอบ ถึงเดินมาที่ต้นเสียง ก็พบพระมานัสนั่งอยู่บนเนินทราย จึงได้ทำการสอบถามอาการของพระมานัส ก็พอจะทราบว่าร่างกายยังแข็งแรง สามารถดำน้ำได้ไหวอยู่ จึงได้รอชุดของตนเองมาเพิ่ม และตัดสินใจนำพระมานัสดำน้ำออกมาได้ดังกล่าว