แมนยู,อาร์เซน่อลมาตามนัด! 4 สโมสร+เส้นทาง ตัดเชือกศึกยูโรปาลีก

แบ่งปัน

ศึกชิงแชมป์สโมสรยุโรปถ้วยเล็กอย่าง ยูฟ่า ยูโรปา ลีก ประจำฤดูกาล 2020/21 ตอนนี้เดินทางมาถึงรอบรองชนะเลิศเรียบร้อยแล้วเช่นกัน หลังจากที่ได้บทสรุปการแข่งขันรอบ 8 ทีมสุดท้าย ครบทั้ง 4 คู่ เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ อาร์เซน่อล สองสโมสรยักษ์ใหญ่จากเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ มาตามนัด ถึงแม้รายหลังได้ผลการแข่งขันแบบชวนเสียวจากนัดแรกของรอบก่อนรองฯ ก็ตาม และนี่คือโฉมหน้าของทั้ง 4 สโมสรที่เตรียมฟาดแข้งในรอบตัดเชือก ซึ่งต่างเป็นสโมสรที่แข็งแกร่งทั้งนั้น และคู่ควรกับการมาถึงจุดนี้ 

 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (ยูฟ่า แรงกิ้ง : 8) 
    ง่ายดายตามคาดสำหรับ “ปีศาจแดง” ในการคว้าตั๋วเข้าสู่รอบรองฯ หลังจากที่เอาชนะ กรานาด้า สโมสรม้ามืดจากสเปน ด้วยสกอร์ 2-0 ทั้งสองนัด (สกอร์รวมสองนัด 4-0) ซึ่งด้วยฟอร์มที่แข็งแกร่งแบบนี้ ถือเป็นฤดูกาลที่ทีมของกุนซือ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา มีลุ้นเลยทีเดียว สำหรับการคว้าแชมป์ ยูโรปา ลีก มาครองเป็นสมัยที่สอง และหากทำได้สำเร็จก็จะถือเป็นการนับหนึ่ง คว้าโทรฟี่แชมป์ใบแรกของ โซลชา ในฐานะกุนซือ แมนฯ ยูไนเต็ด ด้วย

เส้นทาง
  – ตกมาจากรอบแบ่งกลุ่ม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
  – รอบ 32 ทีมสุดท้าย : ชนะ เรอัล โซเซียดาด 4-0 (4-0, 0-0)
  – รอบ 16 ทีมสุดท้าย : ชนะ เอซี มิลาน 2-1 (1-1, 1-0)
  – รอบก่อนรองชนะเลิศ : ชนะ กรานาด้า 4-0 (2-0, 2-0)
  ผลงานดีสุดในรายการนี้ : แชมป์ (2017)

อาร์เซน่อล (ยูฟ่า แรงกิ้่ง : 11)
    “ไอ้ปืนใหญ่” ของกุนซือ มิเกล อาร์เตต้า ไม่พลาดในการเข้ารอบตัดเชือก แม้เกมแรกในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ที่บ้านตัวเองเมื่อกลางสัปดาห์ก่อน ทำได้แค่เสมอ สลาเวีย ปราก 1-1 ทว่านัดสองเมื่อคืนที่ผ่านมา พวกเขาดันทำได้ดีเกินคาด ด้วยการบุกถล่มสโมสรดังจากสาธารณรัฐเช็ก 4-0 ทำให้สุดท้าย “เดอะ กันเนอร์ส” เป็นฝ่ายได้เฮ ด้วยสกอร์รวมสองนัด 5-1 และแน่นอนว่า นี่คือถ้วยที่ อาร์เซน่อล หวังถึงแชมป์เช่นกัน หลังจากที่เพิ่งผิดหวังในรอบชิงฯ รายการนี้ เมื่อสองปีก่อน (แพ้ เชลซี 1-4)

  เส้นทาง
  – แชมป์กลุ่ม บี 
  – รอบ 32 ทีมสุดท้าย : ชนะ เบนฟิก้า 4-3 (1-1, 3-2)
  – รอบ 16 ทีมสุดท้าย : ชนะ โอลิมเปียกอส 3-2 (3-1, 0-1)
  – รอบก่อนรองชนะเลิศ : ชนะ สลาเวีย ปราก 5-1 (1-1, 4-0)
  ผลงานดีสุดในรายการนี้ : รองแชมป์ (2000 และ 2019)

– บียาร์เรอัล (ยูฟ่า แรงกิ้ง : 25)
      สโมสรแกร่งจากเวที ลา ลีกา สเปน ที่นำทัพโดยกุนซือ อูไน เอเมรี่ ถือเป็นอีกหนึ่งสโมสรที่ไม่พลิกโผในการผ่านเข้าสู่รอบตัดเชือก หลังจากที่รอบก่อนรองฯ พวกเขาคว้าชัยเหนือ ดินาโม ซาเกร็บ สโมสรยักษ์ใหญ่ของโครเอเชีย ได้ทั้งสองนัด ด้วยสกอร์รวม 3-1 (1-0 และ 2-1) โดยที่หัวหอกตัวเก่งของทีมอย่าง เคราร์ด โมเรโน่ ทำประตูได้ทั้งสองนัด ซึ่งไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่ทัพ “เยลโล่ ซับมารีน” ไปได้สวยในรายการนี้ เพราะ เอเมรี่ เคยพา เซบีย่า คว้าแชมป์ ยูโรปา ลีก มาครองถึง 3 สมัย (ซีซั่น 2013/14, 2014/15 และ 2015/16) แถมยังเคยนำ อาร์เซน่อล เข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ เมื่อฤดูกาล 2018/19 ด้วย 

  เส้นทาง
  – แชมป์กลุ่ม บี 
  – รอบ 32 ทีมสุดท้าย : ชนะ เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก 4-3 (2-0, 2-1)
  – รอบ 16 ทีมสุดท้าย : ชนะ ดินาโม เคียฟ 4-0 (2-0, 2-0)
  – รอบก่อนรองชนะเลิศ : ชนะ ดินาโม ซาเกร็บ 3-1 (1-0, 2-1)
  ผลงานดีสุดในรายการนี้ : รอบรองฯ (2004, 2011 และ 2016) 

 – อาแอส โรม่า (ยูฟ่า แรงกิ้ง : 15)
    ทีม “หมาป่าเหลือง-แดง” ทำได้เยี่ยมเลยทีเดียว หลังฝ่าด่าน อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม สโมสรยักษ์ใหญ่แดนกังหันลม เข้าสู่รอบตัดเชือกได้สำเร็จ ด้วยชัยชนะสกอร์รวมสองนัด 3-2 โดยชัยชนะนัดแรกที่บุกเชือด อาแจ็กซ์ 2-1 ถึงสังเวียนแข้ง โยฮัน ครัฟฟ์ อารีน่า เมื่อกลางสัปดาห์ที่แล้ว ถือเป็นกุญแจสำคัญเลย เพราะทำให้พวกเขาเล่นโดยไม่กดดันมากนักในเลกสอง ที่เปิดบ้านเก็บผลเสมอ 1-1 เมื่อคืนที่ผ่านมา ถึงแม้มีแอบเสียวเล็กๆ ตอนที่ อาแจ็กซ์ ได้ประตูขึ้นนำก่อน เท่ากับว่า โรม่า ภายใต้การนำทัพของกุนซือ เปาโล ฟอนเซก้า ถือเป็นที่เชิดหน้าชูตาของวงการฟุตบอลอิตาลี เพราะ ณ เวลานี้พวกเขาคือสโมสรจากศึก กัลโช่ เซเรีย อา รายเดียวที่หลงเหลือในเวทียุโรป  

 เส้นทาง
  – แชมป์กลุ่ม บี 
  – รอบ 32 ทีมสุดท้าย : ชนะ บราก้า 5-1 (2-0, 3-1)
  – รอบ 16 ทีมสุดท้าย : ชนะ ชัคตาร์ โดเน็ตส์ค 5-1 (3-0, 2-1)
  – รอบก่อนรองชนะเลิศ : ชนะ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม 3-2 (2-1, 1-1)
  ผลงานดีสุดในรายการนี้ : รองแชมป์ (1991) 

  
โปรแกรมการแข่งขันรอบรองชนะเลิศ
 เลกแรก (วันพฤหัสบดีที่ 29 เมษายน)
 – แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด VS อาแอส โรม่า (สนาม : โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด)
 – บียาร์เรอัล VS อาร์เซน่อล (สนาม : เอสตาดิโอ เด ลา เซรามิก้า) 
 
 เลกสอง (วันพฤหัสบดีที่ 6 พฤษภาคม)
 – อาแอส โรม่า VS แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (สนาม : สตาดิโอ โอลิมปิโก)
 – อาร์เซน่อล VS บียาร์เรอัล (สนาม : เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม)

ขอบคุณข้อมูลจาก: SIAMSPORT