มวลน้ำสุโขทัย หลากเข้าทุ่งบางระกำ กินพื้นที่ 135,500 ไร่ มวลน้ำ 200 ล้าน ลบ.ม. ชลประทานคาดเพิ่มอีกถึง 400 ล้าน.ลบ.ม. เต็มทุ่งบางระกำ ในช่วงสัปดาห์หน้า ด้านผู้ว่าฯพิษณุโลก สั่งผลันน้ำเข้าทุ่งบางระกำ ระบายน้ำเหนือที่ทะลักแม่น้ำยม ป้องกันไหลบ่าเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรบริเวณกว้าง วันนี้ ( 1 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังมีสถานการณ์วิกฤติฝนตกหนักทางภาคเหนือ เข้าแม่น้ำยมสายหลัก ยมสายเก่า จากอำเภอต่างๆของจังหวัดสุโขทัย โดยจะมีปริมาณน้ำไหลผ่านในอัตรา 1,300-1,320 ล้านลูกบาศ์กเมตร/วินาที และจะเดินทางมาถึงพื้นที่เสี่ยงของจังหวัดพิษณุโลก ระหว่างวันที่ 1-5 ตุลาคม 2566 ส่งผลให้แม่น้ำยมสายเก่า คลองเมม คลองบางแก้ว อำเภอพรหมพิราม และอำเภอบางระกำผ่านคลองน้ำไหลสูงขึ้น จึงต้องเฝ้าระวังป้องกันภาวะน้ำเอ่อล้นตลิ่ง น้ำป่าไหลทลักเข้าพื้นที่เสี่ยงในสองอำเภอดังกล่าว รวมทั้งในเขตพื้นที่เสี่ยง บ้านแม่ระหัน ตำบลบ้านกร่าง อำเภอเมืองพิษณุโลก
นายชำนาญ ชูเที่ยง ชลประทานจังหวัดพิษณุโลก เปิดเผยว่า จากสถานการณ์น้ำหลากที่ จ.สุโขทัย แล้วหลากเข้าทุ่งบางระกำ ในพื้นที่ อ.พรหมพิราม อ.บางระกำ และ ต.บ้านกร่าง อ.เมืองพิษณุโลก แล้ว โดยน้ำในครั้งนี้หลากท่วมพื้นที่จำนวน 135,000 ไร่ มวลน้ำ จำนวน 200 ล้าน ลบ.ม. แต่คาดว่าพายุฝนที่จะตกลงมาอีกลูก ก็คาดว่าจะทำให้น้ำเหนือเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ทุ่งบางระกำโมเดล จะมีน้ำถึง 2 แสนไร่ ปริมาณน้ำ ถึง 400 ล้าน ลบ.ม.
ขณะที่วันนี้นายภูสิต สมจิตต์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์น้ำ และประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ตำบลท่าช้าง อำเภอพรหมพิราม และ อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งมีภาวะเสี่ยงรับมวลน้ำขนาดใหญ่ พร้อมกับสั่งการให้ชลประทานวางแผนร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ผลันน้ำลงสู่ทุ่งบางระกำ ระบายน้ำจากแม่น้ำยมในพื้นที่ทั้งพรหมพิรามและบางระกำ ที่มีขนาดเล็ก แคบ กว่าจังหวัดสุโขทัย ความจุประมาณ 250 ล้านลูกบาศ์กเมตร ซึ่งจะช่วยระบายน้ำลงสู่นาข้าวที่เก็บเกี่ยวแล้วและรอรับน้ำสำหรับทำประมง นอกจากนี้ ยังมีพื้นที่รอรับน้ำลงสู่บึงตระเค็ง อำเภอบางระกำ ซึ่งยังสามารถรับน้ำได้อีกจำนวนมาก พร้อมกันนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ได้สั่งการนายอำเภอ ผู้นำท้องถิ่น และ ปภ.จังหวัดจัดเตรียมวางแผนการช่วยเหลือเยียวยาป้องกันและลดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนได้ทันท่วงที