จ่าสิบเอกทหาร คลั่งยิงอดีตภรรยา ผอ.รพ.สต. บ้านแหลมครก ที่คบหากันมานานถึง 15 ปี และเพิ่งหย่ากันได้เพียง 3 เดือน เสียชีวิตคาบ้านพักก่อนยิงตัวเองตายตามหนีความผิด คาดปมเหตุมาจากเรื่องหึงหวงเพราะภรรยาหน้าตาดี ทิ้งลูก 2 คน วัย 14 ปี และ 4 ขวบ ต้องกำพร้า
เมื่อเวลา 18.00 น.วันที่ 17 ธันวาคม 2566 ร.ต.อ.วันชัย ปลั่งกลาง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพิษณุโลก รับแจ้งเหตุบุคคลยิงกันและมีผู้เสียชีวิต 2 ราย ในพื้นที่ ต.หัวรอ อ.เมือง จ.พิษณุโลก จึงประสานเจ้าหน้าที่กู้ภัยสมาคมกู้ภัยข่าวภาพ พร้อมประสานแพทย์เวรโรงพยาบาลพุทธชินราชเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ ในที่เกิดเหตุ บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 360 ม.12 ต.หัวรอ อ.เมือง จ.พิษณุโลก พบศพผู้เสียชีวิต 2 ราย
ทราบชื่อในเวลาต่อมาคือ น.ส.ชลธิชา ชื่นวันทา อายุ 34 ปี ผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านแหลมครก ตั้งอยู่เลขที่ 2/9 ม.10 ต.นครป่าหมาก อ.บางกระทุ่ม จ.พิษณุโลก มีบาดแผลถูกยิงที่บริเวณ คาง ศีรษะ หน้าอก และหลัง ใกล้กันพบร่าง จ.ส.อ.อัครพงษ์ มั่นเจริญ อายุ 30 ปี ทหารสังกัด พล.ร.4 ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช กองทัพภาคที่ 3 มีบาดแผลถูกยิงที่ศีรษะ ใกล้กันพบอาวุธปืนก๊อก 9 มม.ตกอยู่ และปอกกระสุน 5 ปอกตกอยู่ มีร่องรอยกระสุนปืนแฉลบไปโดยรถเก๋งใกล้เคียง 1 คัน ซึ่งทั้ง 2 คนเป็นอดีตสามีภรรยา
สอบถาม นางอังคนา อิ่มวิทยา อายุ 48 ปี แม่ จ.ส.อ.อัครพงษ์ ได้เล่าให้ฟังว่า ทั้ง 2 คนได้คบหากันตั้งแต่สมัยเรียน แต่งงานกันมาได้ประมาณ 15 ปี มีบุตรด้วยกัน 2 คนคนโตเป็นหญิง อายุ 14 ปี คนเล็กเป็นชาย อายุเพียง 4 ขวบ ทั้งคู่ทะเลาะเบาะแว้งกันบ่อย ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องหึงหวง เพราะภรรยาหน้าตาดี โดยทั้งคู่ได้หย่าร้างกันได้ประมาณ 2-3 เดือนมาแล้ว แต่ภรรยายังคงแวะเวียนมาบ้านหลังนี้เพื่อดูแลลูกทั้ง 2 คน และวันนี้ก็เช่นกัน ตนเองอยู่บ้านใกล้ๆกัน และรอบแถวนี้ก็บ้านญาติกันทั้งนั้น เมื่อช่วงบ่าย 3 ได้ยินเสียงทั้ง 2 คน ทะเลาะกันมาแล้ว 1 รอบ ก็เป็นเรื่องหึงหวงกับเรื่องเก่าๆ ที่มักจะขุดมาทะเลาะกันบ่อยๆ ขณะเกิดเหตุ หลานทั้ง 2 คนอยู่บ้านญาติ ตนเองก็อยู่แถวระแวกบ้าน จนกระทั่งญาติที่บ้านติดกับบ้านลูกชาย ได้ยินเสียงปืนประมาณ 5 นัด ก็รีบโทรบอก ตนมาก็เหตุว่าทั้งคู่เสียชีวิตอยู่บริเวณหน้ารั้วบ้านไปแล้ว รู้สึกตกใจมากสงสารหลานๆ ทั้ง 2 คน ที่ต้องมากำพร้าทั้งพ่อและแม่ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำร่างผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย ส่งชันสูตรที่นิติเวชโรงพยาบาลพุทธชินราช ก่อนจะมอบให้ญาตินำร่างกลับไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป