ตำรวจนำตัวมือยิง ผอ.สวท.พิษณุโลก พร้อมเพื่อนร่วมงาน ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ

แบ่งปัน

จากกรณี นายวิม สอนสุด อายุ 59 ปี นายช่างไฟฟ้าชำนาญงาน ได้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม. และ .38 รวม 2 กระบอก ยิงเพื่อนร่วมงานเสียชีวิต 3 ราย และบาดเจ็บสาหัส 1 ราย ซึ่งประกอบด้วย นายสานิตย์ บุตรมางกูล ผอ.สวท.พิษณุโลก นายจิรวุฒิ สุเมธเทพานันท์ นายช่างไฟฟ้า นายภูมิศรัณญ์ พันธ์ภูมิ นายช่างอาวุโส และนายปรุง จันทร์แดง ได้รับบาดเจ็บสาหัส

โดยล่าสุดเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (28 พ.ค.63) พ.ต.อ.ภาคภูมิ ปราบศรีภูมิ ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก พร้อมกำลังตำรวจชุดสืบสวนทั้งในและนอกเครื่องแบบ จำนวนกว่า 50 นาย ได้ควบคุมตัว นายวิม สอนสุด อายุ 59 ปี นายช่างไฟฟ้าชำนาญงาน ตำแหน่งนายช่างเครื่องส่ง ประจำสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จ.พิษณุโลก (สวท.พิษณุโลก) มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ท่ามกลางการคุ้มกันอย่างแน่นหนาและกั้นไม่ให้ผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าพื้นที่

ซึ่งจุดแรก บริเวณห้องโถงอาคารสำนักงาน นายวิม ได้ใช้อาวุธปืนยิงนาย จิรวุฒิ นายช่างไฟฟ้าอาวุโส ขณะกำลังปีนบันไดปรับกล้องวงจรปิดอยู่บริเวณห้องโถง จำนวน 3 นัด
จากนั้นได้เดินไปยังจุดที่ 2 บริเวณห้องควบคุมการออกอากาศ นายวิม ได้ใช้อาวุธปืนยิง นายภูมิศรัณญ์ นายช่างอาวุโส ถูกอาวุธปืนยิงเข้าที่แผ่นหลัง 5 นัด เสียชีวิตในสภาพนอนฟุบด้านหลังตู้ไฟ ภายในห้องจัดรายการ
จุดที่ 3 นายวิม ได้ใช้อาวุธปืนยิงนายปรุง จันทร์แดง ช่างเครื่องส่ง ซึ่งเดินมาเห็นเหตุการณ์พอดีจึงถูกยิงเข้าที่ปากและลำตัว ได้รับบาดเจ็บสาหัส ซึ่งขณะนี้ได้รับการผ่าตัดจนพ้นขีดอันตราย
ส่วนจุดสุดท้าย เป็นบริเวณด้านข้างอาคารสำนักงาน สวท.พิษณุโลก นายวิม ได้ใช้มีดหมอแทงและใช้อาวุธปืนยิงใส่ นายสานิตย์ ผอ.สวท.พิษณุโลก จนเสียชีวิต

พ.ต.อ.ภาคภูมิ ปราบศรีภูมิ ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก กล่าวว่า วันนี้เป็นการทำแผนประกอบคำรับสารภาพของผู้ต้องหาตามระบบสืบสวน ทางผู้บังคับบัญชาได้กำชับถึงเรื่องความปลอดภัยของผู้ต้องหา และเรื่องขั้นตอนในการลงมือ ซึ่งตอนนี้ทางผู้ต้องหาได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี รวมถึงขั้นตอนในการก่อเหตุต่างๆ สาเหตุเป็นเรื่องการมีปัญหากันระหว่างกลุ่มนายช่างกับผู้ต้องหา ซึ่งมีอายุมากประกอบกับสุขภาพไม่ค่อยดี จึงทำงานผิดพลาดมีปัญหา ของหายประจำ โดนหัวหน้างานต่อว่าบ่อยครั้ง จนก่อนเกิดเหตุก็เป็นเรื่องของหาย จึงทะเลาะกับนายช่างทั้ง 2 คน และมีความเก็บกดจนมาถึงขั้นลงมือก่อเหตุ

โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งทางตำรวจได้คัดค้านการประกันตัวเนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์ ซึ่งในวันพรุ่งนี้ก็จะนำตัวผู้ต้องหาส่งฟ้องศาลต่อไป