แม่ทัพภาคที่ 3 สั่งคุ้มกันเรือขนส่งของบริจาค ส่งมอบแก่ผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมา

แบ่งปัน

แม่ทัพภาคที่ 3 สั่งชุดปฎิบัติการลาดตะเวนทางน้ำ ของ กรมทหารพรานที่ 36. คุ้มกันความปลอดภัยเรือรับจ้าง ขนส่งสิ่งของบริจาค มอบแก่ผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมาตลอดเส้นทางการส่งมอบ ตามลำน้ำแม่น้ำสาละวิน ย้ำ ดำเนินการโดยทางเจ้าหน้าที่เท่านั้น ภายใต้การคุมเข้มมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 และ ความปลอดภัยในพื้นที่ชายแดน

พลโทอภิเชษฐ์ ซื่อสัตย์ แม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวว่า หลังจากที่มีกลุ่มองค์กร การช่วยเหลือต่างๆนำสิ่งของจำเป็น เช่น ข้าวสารอาหารแห้ง ยารักษาโรค ประสงค์จะขอมอบให้กับผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมา ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน ที่ผ่านมา และได้นำไปวางไว้ตรงริมแม่น้ำสาละวิน เบื้องต้นสั่งการไปยังกรมทหารพรานที่ 36 ซึ่งเป็นหน่วยรับผิดชอบพื้นที่ชายแดนจังหวัดแม่ฮ่องสอน ให้ลำเลียงสิ่งของช่วยเหลือแก่ผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมา บริเวณฝั่งตรงข้ามชายแดนไทย การจ้างเรือรับจ้างบริเวณริมแม่น้ำสาละวิน จำนวน 5 ลำ โดยมีชุดปฎิบัติการลาดตะเวนทางน้ำ ของ กรมทหารพรานที่ 36. คุ้มกันความปลอดภัย ตลอดเส้นทางลำน้ำสาละวิน เพื่อดูแลความปลอดภัย เรือรับจ้าง ทั้งขาไปขากลับ เนื่องจากยังไม่มั่นใจในสถานการณ์ทางฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ประกอบกับริมแม่น้ำสาละวิน ยังคงมีกองกำลังของเคเอ็นยู และ กองกำลังทหารพม่า อยู่บริเวณพื้นที่ดังกล่าว จึงทำให้ต้องรักษาความปลอดภัยให้กับเรือรับจ้าง

พลโทอภิเชษฐ์ กล่าวว่า ทางกองทัพปฎิบัติตามทิศทางการช่วยเหลือเยียวยาด้านมนุษยธรรม และนับจากนี้หามีผู้ประสงค์ที่จะบริจาคของเพื่อช่วยเหลือเพิ่มเติม สามารถนำไปบริจาคได้ที่อำเภสบเมย หรือ อำเภอแม่สะเรียง หรือ กิ่งอำเภอกาชาดใกล้ชายแดนแม่สามแลบ. และเมื่อมีจำนวนที่มากเพียงพอที่จะทำการขนย้าย จะประสานไปยังเรือรับจ้างและดำเนินการคุ้มกัน เพื่อนำไปมอบให้กับผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมา ในฝั่งพื้นที่ประสบภัย แม่ทัพภาคที่ 3 ยังระบุว่า ในขณะนี้สถานการณ์ไม่มีความรุนแรง ทางหน่วยงานความมั่นคง จึงได้วางแผนร่วมกับฝ่ายปกครอง โดยหน่วยงานกาชาดในพื้นที่ เตรียมดำเนินการรวบรวมสิ่งของที่มีผู้มาบริจาคให้กับทาง ผู้หนีภัยความไม่สงบ ในพื้นที่พักพิงดังกล่าว แต่ยังเป็นการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่เท่านั้น ซึ่งสิ่งของบริจาคทั้งหมดจะถูกส่งผ่านมาทางกิ่งกาชาดอำเภอแม่สะเรียง และ หน่วยงานความมั่นคงเป็นผู้ดำเนินการต่อ ยังไม่อนุญาตให้ผู้ประกอบการ องค์กร ใดๆ ดำเนินการ เนื่องจากยังต้องเฝ้าระวังตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และ ความปลอดภัยในพื้นที่ชายแดน